ในสมัยปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ที่จะโปรดเวไนยสัตว์ให้พ้นจากความทุกข์ หรือการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ในคืนวันหนึ่งมีสองตายายผู้ยากจน ได้ทำสวนเผือกมัน อยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง ในเขตสุวรรณภูมิ (เขต ต.ช่อแฮ ในปัจจุบัน) สองตายายผู้นี้ได้ตกในข่ายพระญาณของพระพุทธเจ้า ในเช้าวันต่อมาพระพุทธองค์พร้อมด้วยสาวก จึงได้เสด็จมาโปรดสองตายาย โดยวิถีแห่งพระพุทธเจ้า มาถึงภูเขาที่สองตายายยากจนทำสวนอยู่นั้น ขณะนั้นเป็นเวลาใกล้รุ่งสว่างพอดี พระพุทธองค์จะหาน้ำล้างพระพักตร์ก็ไม่มี จึงได้อธิษฐานโดยเอาพระหัตถ์ด้านขวาเจาะลงไปที่พื้นดิน จึงมีน้ำสะอาดพวยพุ่งขึ้นมาเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก และพระพุทธองค์ได้ฉันน้ำในบ่อนั้น และนำเอาน้ำในบ่อนั้นมาล้างพระพักตร์ ซึ่งยังมีร่องรอยปรากฏมาจนถึงปัจจุบันนี้
(บริเวณ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบัน) เมื่อพระพุทธองค์ได้พบกับสองตายายยากจน สองตายายไม่มีข้าวจะถวาย จึงได้นำเผือกและมันถวายแด่พระพุทธองค์ และพระสาวก เมื่อทรงฉันแล้ว พระพุทธองค์จึงได้แสดงธรรมชื่อว่า อนุบุพพีกถา ให้สองตายายฟัง และได้ตั้งอยู่ในไตรสรณะคมน์คือน้อมจิตระลึกถึง
พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า เป็นที่พึ่ง พระพุทธองค์ทรงเอาพระหัตถ์ลูบพระเศียร มีพระเกศาติดมา 2 เส้น จึงมอบพระเกศานั้น เพื่อใว้ให้กราบสักการะบูชาสืบต่อไป โดยต่อมาภายหลังได้มีการสร้างพระเจดีย์ (พระธาตุ) ครอบไว้ โดยมีความสูง 29 ม. แล้วตั้งชื่อว่าพระธาตุจอมแจ้ง คำว่าแจ้ง ถือเอาเหตุที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาสว่างแจ้ง ณ ที่นี้พอดี ส่วนคำว่าจอม หมายถึงภูเขาลูกนี้ ซึ่งเป็นภูเขาเตี้ยๆ ไม่สูงมากนัก |